วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งระหว่าง Startup และ SME อยู่ที่วิธีการหาเงินลงทุน…

Startup คืออะไร?

คำนี้ถูกใช้กันมากใน 2 – 3 ปีหลัง ถ้าแปลตรงตัว มันก็คือการเริ่มต้นธุรกิจใหม่
อ้าว และมันต่างกับ SME ยังไง?” นี่คำถามที่หลายคนสงสัยและเข้าใจผิด
Startup’ คือการเริ่มต้นธุรกิจเพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด มีวิธีสร้างรายได้ที่สามารถหาเงินแบบทำซ้ำและขยายได้ง่ายนั่นเอง ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน หรือเห็นโอกาสที่ยังไม่มีใครเคยเห็น เช่น แอพพลิเคชั่นเคลมประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุด้วยตัวเอง แอพพลิเคชั่นรวมที่จอดรถ เป็นต้น

ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งระหว่าง Startup และ SME อยู่ที่วิธีการหาเงินลงทุน…
Startup ไม่จำเป็นต้องลงทุนเอง แต่สามารถนำเสนอไอเดีย เพื่อซื้อใจนักลงทุน ให้เห็นศักยภาพและมาร่วมลงทุนได้ ซึ่งงานที่เปิดโอกาสให้ Startup เสนอไอเดียนั้นเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ภายในประเทศเท่านั้น จนเกิดเป็นธุรกิจร่วมลงทุนที่มาในรูปแบบองค์กร เงินหนาลงหนัก ก็มีอยู่มากมาย ทว่า SME ส่วนใหญ่ใช้เงินทุนของตัวเอง หรือต้องทำเรื่องกู้ผ่านธนาคารที่มีโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อ SME
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครที่มีไอเดียใหม่ๆ และอยากเข้าสู่วงการ Startup บ้าง ก็อาจเริ่มต้นด้วยการค้นคว้าสิ่งที่ตัวเองสนใจอย่างจริงจัง แล้วลงมือทำ เพราะช่วงเริ่มต้นงบประมาณไม่ใช่สิ่งสำคัญ ก้าวแรกนั้นวัดกันที่ไอเดียและใจ บวกกับความอึด ที่ขอบอกเลยว่าต้องใช้เยอะเชียวแหละ…แต่ถ้าผ่านไปได้ รับรองว่าอนาคตสดใสอย่างแน่นอน!
http://tech.mthai.com/tips-technic/51936.html
อย่างถ้าเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้อันนี้เป็น Startup ไหม?
ลองนึกภาพดู หากจะขยายทีเราต้องหาที่ใหม่ จ้างคนเพิ่ม หาวัตถุดิบ และเพิ่มกำลังการผลิต ถือว่าไม่สามารถขยายและทำซ้ำได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จึงถือว่า ‘ร้านขายน้ำเต้าหู้’ ไม่ใช่ Startup แต่เป็น SME คือเป็นเจ้าของธุรกิจเอง ลงทุนเอง และเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป
ในทางกลับกัน หากเราสร้างเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นให้คนมาขายของ เมื่อเราทำเสร็จปุ๊บ คนเอาของมาลงขายเยอะ รายได้ที่เข้ามาก็เพิ่มมากขึ้นโดยเราไม่ต้องไปขยายอะไรตามมากมาย ยิ่งถ้าพิสูจน์แล้วว่ามันดี ทำเงินได้ ขยายไปเปิดต่างประเทศด้วยโมเดลเดิมก็ทำได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่าทั้งขยายและทำซ้ำได้ เราจึงเห็น Startup ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับสายเทคโนโลยีซะเยอะ เพราะสามารถเติบโตได้ง่ายกว่าการทำธุรกิจประเภทอื่นๆ
หลายๆ Startup จำเป็นต้องมีผู้ใช้ที่เยอะในระดับนึงก่อนที่จะเริ่มหาเงิน หรือระดมทุนเพิ่มเพื่อขยายฐานผู้ใช้ให้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตัวอย่างนี้มีให้เห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Youtube ต่างก็เคยเป็น Startup มาก่อน ตอนแรกใช้ฟรี หลังๆ ถึงเริ่มมีโฆษณามากขึ้น มีรายได้มากขึ้น มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน
ที่บอกว่า Facebook และ Youtube เคยเป็น Startup เพราะคำว่า Startup เป็นคำจำกัดความของการเริ่มธุรกิจในระยะเริ่มต้นเท่านั้นและยังไม่มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน เรียกว่าระดับ Beginner นั่นเอง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น